เรื่อง Midori no Hibi ค่ะ เนื้อเรื่องจะประมาณว่าพระเอก เซย์จิ เป็นนักเลงที่อกหักและไร้สาวเคียงมาตลอด สารรักกับใครก็อกหัก ส่วนนางเอก มิโดริ อยู่อีกโรงเรียนแต่แอบชอบพระเอกอยู่แต่ก็ไม่กล้าสารภาพความในใจออกไป จนวันนึงเซย์จิตื่นขึ้นมาแล้วก็ได้พบว่าที่มือขวาของตัวเองกลายเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมาเเทน ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องวุ่นๆต่อมาค่ะ
ที่เลือกเรื่องนี้มาก็เพราะว่าจะได้ศึกษาที่แปลกแนวไปบ้างเช่นภาษาที่เซย์จิใช้ตอนพูดกับพวกนักเลง หรือการใช้ภาษาของเด็กผู้ชายม.ปลายค่ะ
สำหรับวันนี้ก็เลยเลือกช่วงอนิเมถึงนาทีที่1.40มาค่ะ
บทภาษาไทย
มิโดริ:เซย์จิคุง...
เซย์จิ:แกคือหัวห้าแก๊งค์Descartesงั้นเหรอ
หัวหน้าแก๊งค์: แกสินะ เจ้าหมาบ้า หมาบ้าซาวามุระน่ะ
เซย์จิ:ท่าทางแกจะเอ็นดูรุ่นน้องของฉันเอามากๆเลยนะเนี่ย ถ้าอย่างงั้น ชั้นก็จะขอใช้คืนให้เต็มที่เลยล่ะ ด้วยหัตถ์ขวาปีศาจข้างนี้ไงเล่า
รุ่นน้อง: ยอดไปเลย คุณซาวามุระนี่เก่งจริงๆ ผมรู้สึกประทับใจจริงๆเลยนะครับ
เซย์จิ: คราวหน้าถ้าจะเรียกฉันมาช่วยล่ะก็ ขอเป็นพวกที่กระดูกแข็งกว่านี้หน่อยนะ เพราะฉันไม่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าน่ะ
รุ่นน้อง: ขอบพระคุณมากเลยครับ
บทภาษาญี่ปุ่นที่ลองแปลเอง
美鳥:セイジ君。。。
セイジ:てめえはデカルトの頭目か?
頭目:てめえだよね。バカ犬 バカいぬ沢村!
セイジ:てめえは俺の後輩をすごく可愛がってるみたいね。だったら、俺も全力でこの悪魔の右手で返すわ。
後輩:すげえ〜!沢村さん本当にすげえ 感動しましたよ。
セイジ:今回俺を呼んだら、もっと骨が固いやつがいいよ。俺は弱いやつをいじめたくないからな。
後輩:ありがとうございました。
จากการแปลครั้งนี้มีที่ไม่แน่ใจอยู่หลายที่เหมือนกัน
อย่างแรกคือการใช้คำว่าหัวหน้าแก๊งค์ ซึ่งมีคำให้เลือกใช้เยอะมากเหลือเกิน
หรือไม่ก็คำว่าการใช้คืน
เดี๋ยวลองมาเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นญี่ปุ่นของจริงดู
บทต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น
美鳥:セイジ君。。。
セイジ:
頭目:
セイジ:
นอกจากนั้นยังมีコロケーションตรง 借り返えす ความหมายคือ ใช้หนี้คืน
ส่วนการสร้างหนี้คือ 借りを作る
後輩:すげえ〜!
セイジ:
มีศัพท์骨のある人 ถึงในภาคไทยจะแปลว่าคนที่มีกระดูกหรือกระดูกแข็ง แต่พอไปเช็คความหมายมาได้มาว่า 強くしっかりした気概を持つさま、気骨のある様子
ซึ่งน่าจะมีความหมายในทางที่ว่า"คนที่จิตใจที่มุ่งมั่น แน่วแน่เด็ดเดี่ยวไม่ย่อท้อ มากกว่า"
後輩:ありがとうございました。
ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยถนัดกับแนวนี้สักเท่าไหร่ เรื่องระดับของผู้พูดก็ส่งผลต่อการเลือกใช้คำมากทีเดียว จะเห็นได้ว่าใช้คำลงท้ายว่าなหลายครั้งซึ่งมักจะปรากฏในภาษาผู้ชาย ก็จะพยายามระวังจุดนี้ในการแปลต่อไปค่ะ
เพิ่งเห็นว่าบล็อกของยุกกี้มีการฝึกแปลการ์ตูน 0,,0 ตอนแรกก็งงว่าจะฝึกยังไง แต่พออ่านดูแล้วได้รู้ว่าเป็นการลองแปลจากภาษาไทยด้วยตัวเองก่อนแล้วค่อยนำมาเทียบกับภาษาญี่ปุ่น เป็นไอเดียที่ดีมากๆเลยอ่ะ น่าจะช่วยฝึกภาษาได้มากจริงๆ ขอนำไปปรับใช้กับการฝึกภาษาในชีวิตประจำวันดูบ้างนะฮ้าบ ^^
ตอบลบ